a tribute to @diet_prada

 

as published on THE MATTER (October 2017)

"ถ้ามันเป็นสิ่งที่ทุกๆคนทำ มันก็จะไม่ใช่แฟชั่น เพราะมันสูญเสียความเป็นต้นฉบับและความพิเศษ รวมถึงไม่สามารถแสดงความเป็นปัจเจกชนได้ซึ่งเป็นเป้าหมายของแฟชั่นในปัจจุบัน  แต่ถ้าสิ่งนั้นไม่มีใครทำตามเลย นั่นแปลว่าสิ่งนั้นไม่ใช่แฟชั่นเช่นกัน เพราะมันไม่สามารถทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าเทรนด์ได้ และถ้าไม่มีเทรนด์ ก็ไม่มีแฟชั่น"  

อาจารย์ที่สอนวิชาแฟชั่นและสังคมศาสตร์จากสถาบันมารังโกนีที่มิลานได้กล่าวเอาไว้ขณะเล็คเชอร์ในห้อง  ทำให้ฉุกคิดว่าดีไซเนอร์ที่เก่งหรือ "คนแฟชั่น" เจ๋งๆ ก็คือคนที่สามารถจะทำการบาลานซ์สองสิ่งนี้ให้เกิดความพอดีได้

หลายครั้งที่ในโลกแฟชั่นเกิดการ "ก๊อปกันหน้าด้านๆ" ขึ้น เราคนไทยเองเดินไปไหนมาไหนในกรุงเทพก็เห็นของก็อปกันเกลื่อนกลาดจนเรียกได้ว่าชินชา อาจจะดูผิดไปซักหน่อยแต่ที่จริงแล้วการทำซ้ำและดัดแปลงก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของแฟชั่นเช่นกัน

และในโลกแฟชั่นที่ตอนนี้แทบจะไม่เหลืออะไรใหม่ๆให้เห็นอีกต่อไปเพราะทุกอย่างถูกทำมาหมดแล้ว คุณๆทั้งหลายไม่สนใจกันเหรอว่าอะไรก็อปอะไรมาบ้าง ทางเราอยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับอินสตาแกรมที่กำลังร้อนฉ่าที่สุดในโลกแฟชั่นนี้ @dietprada

 

 
01.jpg
 

นี่คืออินตาสแกรมที่เลือกเอาไอเท็มชิ้นใหม่ๆมาแปะข้างๆเจ้าของ "แรงบันดาลใจ" พร้อมใส่แคปชั่นเผ็ดๆคันๆพร้อมการแซะนิดแซะหน่อย และแม้เจตนาจะไม่ใช่เพื่อ hate on แบรนด์แฟชั่นใดๆเป็นพิเศษแต่คอมเมนต์อันเผ็ดร้อนของ ไดเอท พราด้า ก็ทำให้เกิดสงครามอินสตาแกรมกับ สเตฟาโน่ กับบานา จากแบรนด์ Dolce and Gabbana มาแล้ว เจ้าของแอคเคานท์ที่ขอปิดตัวตนเงียบนั้นเป็นคนในวงการแฟชั่นตัวจริงที่เพียงแค่ทำในสิ่งที่เหล่าเด็กเนิร์ดในวงการทั้งหลายชอบกันอยู่แล้ว นั่นก็คือการเรียนรู้ว่าเทรนด์ในโลกปัจจุบันนั้นเกิดมาจากอดีตได้อย่างไรนั่นเอง

จุดเริ่มต้นของแอคนี้เกิดจากการที่เขาหรือเธอผู้เป็นเจ้าของเลื่อนดูเว็บอย่าง style.com ไป เม้าท์กับเพื่อนๆไป ประมาณว่า "โอ๊ย ชุดนี้มันกัลลิอาโน่ปี 2000 ชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ" จนลุกลามถึงขนาดกลับบ้านไปเอารูปมาทาบโชว์กัน จนรู้สึกว่าทนเก็บไว้ในวงแฟชั่นแคบๆไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แบบนี้ต้องขอเอาลงเน็ตซักหน่อย

สิ่งที่แอคนี้สนใจไม่ใช่แบรนด์จำพวก fast fashion ที่ผลิตมาเพื่อคนส่วนมากอย่าง h&m, zara, mango หรือบริษัทประเภทนั้น เพราะนั่นถือว่าเป็นวงจรธุรกิจของแบรนด์เหล่านี้ แต่ที่น่าสนใจจริงๆคือการที่พวกแบรนด์ไฮเอนด์ก็อปกันเองวนไปเรื่อยๆต่างหาก

 

 
02.jpeg
 

(แปลอย่างคร่าวๆ: diet_prada: นิวยอร์คแฟชั่นวีคสปริงซัมเมอร์ 2018 เริ่มต้นได้ออริจินอลมากค่าา @ทอมฟอร์ด ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก @บาเลนซิอาก้า สมัยเกสกิเยร์ (ดีไซเนอร์สมัยก่อน) #ชุดฟินาเล่ #บาเลนซิอาก้า #ทอมฟอร์ด #นิโคลาเกสกิเยร์ #2000s #แฟชั่นปี2000 #เดรป #สไตล์โลกอนาคต #แถมได้แขนเสื้อบอลดิสโก้มาจากมาร์เจล่าไปอีก (แบรนด์ maison martin margiela) #เดรสนู้ด #นางแบบ #เก๋ #ชุดวันนี้ #อยากอยู่นั่นจังเลยพี่ #ไดเอทพราด้า )

ไดเอทพราด้าได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บ i-D.com เอาไว้ว่าสมัยนี้คนเราเลียนแบบกันเร็วกว่าเดิมมาก คือถ้าคุณจะก็อปปี้ดีไซน์ของแจ๊กเก็ตจากบาเลนซิอาก้าในปี 1950 ก็อาจจะถือว่ายุติธรรมอยู่ แต่การที่ดีไซเนอร์อื่นจะมาลอกเลียนแบบลุคจากบาเลนซิอาก้าจากฤดูกาลที่แล้ว มันทำให้แฟชั่นตอนนี้เป็นแค่เรื่องของเทรนด์ เทรนด์ แล้วก็เทรนด์ และทำให้ทุกอย่างดูเหมือนๆกันไปหมดเลย

ทางไดเอ็ทพราด้าให้ความเห็นว่า "การได้แรงบันดาลใจ" และ "การลอกเลียนแบบผลงาน" หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า plagiarism เนี่ยมันมีความต่างกันอยู่ คนเราสมัยนี้พอเห็นสินค้าตัวหนึ่งขายดี ก็ก็ลอกแบบตามบ้างอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าแบรนด์ของเราจะได้ขายดีด้วย ไม่ใช่เพราะว่าผลงานนั้นสวยหรือว่าเพราะชอบด้วยซ้ำ

 
03.jpeg
 

(แปลอย่างคร่าวๆ: diet_prada: @ฟอร์เอเวอร์21 โทดๆ หมายถึง @นูเมโร่เวนตูโน่ (แบรนด์อิตาเลียน) ใส่เฟอร์ปลอมได้เหมือนพราด้าเปี๊ยบเลยเด้อ ก็เอาที่เพื่อนสะดวกกก #เฟอร์ฟรีเฟอร์ (แคมเปญเลิกใช้ขนสัตว์ของstella mccartney) #อย่างน้อยตูก็ไม่ได้ถลกหนังหมาคอลลี่มาทำกระเป๋าเป้ #no21 #พราด้า #อเลซซานโดนเดลลัควา (ชื่อดีไซเนอร์) #นูเมโรเวนตูโน (แปลว่าเบอร์21ภาษาอิตาเลียน) #เฟอร์ #เฟอร์ปลอม #โค้ทเฟอร์ #ฟอลวินเทอร์17 #เน้นๆ #นักสืบไดเอทพราด้า #แฟชั่นวีค #แฟชั่นอ่อนแอ #ก็อป #ปลอมเปลือก #นางแบบ #เก๋ #ชุดวันนี้ #อยากอยู่นั่นจังเลยพี่ #ไดเอทพราด้า)

ซึ่งถ้าถามว่าทำไมกันนะ โลกแฟชั่นถึงได้เต็มไปด้วยก็อปปี้แคท ก็น่าจะเป็นเพราะว่าแวดวงแฟชั่นคือวงการที่เน้นสื่อทางภาพมาก ซ้ำยังมีตารางการออกสินค้าใหม่อย่างตายตัวอีกด้วย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทางแบรนด์ก็จำเป็นที่ต้องปล่อยคอลเล็คชั่นใหม่ออกมาทุกฤดูกาล จึงทำให้มองเห็นได้ง่ายกว่าวงการอื่นๆว่ามีการลอกเลียนแบบกันเกิดขึ้น

และแม้เราจะยอมรับอย่างโดยดีว่าสิ่งที่เรียกว่าเทรนด์มีอยู่ในทุกๆวงการ แต่ถ้าหากนี่เป็นวงการอาหาร คงไม่สามารถดูออกง่ายขนาดนั้นว่าฤดูใบไม้ผลิปี 2018 สิ่งที่ฮิตติดเทรนด์ที่สุดก็คือโพเกโบวล์จากฮาวาย เพราะวงการอื่นไม่ได้มีวงจรชีวิตที่ตายตัวเหมือนอย่างวงการแฟชั่นนั่นเอง

ไดเอทพราด้ายังให้ความเห็นอีกด้วยว่าแบรนด์ที่โดนทำซ้ำมากที่สุดน่าจะเป็นแบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อเดียวกันกับแอคเคานท์ ซึ่งก็คือ พราด้า นั่นเอง นั่นเป็นเพราะว่าพราด้ามีความหลากหลายมาก จนทำให้เสื้อผ้าบางตัวอาจจะดูเหมือนพราด้าเพราะความบังเอิญล้วนๆก็เป็นได้ เพราะขอบเขตของแบรนด์นั้นวางเอาไว้กว้างขวางมาก แต่ไดเอทพราด้าก็จะรู้ทันทีหากมีใครพยายามทำตามสูตรของแบรนด์พราด้า เช่น ความเป็นเด็กสาว หรือการจัดชุดที่เอาชุดชั้นในมาใส่ไว้ด้านนอก การเลือกใช้สี ขนนก และพลอยสีปลอมประดับ เห็นแล้วก็จะรู้เลย ว่านี่แหละคือสไตล์ของพราด้า

แต่แบรนด์ที่สมัยนี้โดนเลียนแบบการมากที่สุด น่าจะเป็น Balenciaga (บาเลนซิเอก้า) และ Vetement (เวตมองต์) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับศิลป์ของ Demna Gvasalia ทั้งคู่ "ซึ่งเราคิดว่ามันตลกมากเลยเพราะแบรนด์พวกนี้ก็เอาแบบมาจากมาร์เจล่า (Maison Martin Margiela) สมัยปี 90 อีกทีนะ” ไดเอ็ทพราด้าทิ้งท้ายอย่างเจ็บคันตามสไตล์

แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น แท้จริงแล้วการทำซ้ำและดัดแปลงเองก็เป็นหนึ่งในดีเอ็นเอที่สำคัญของวงการแฟชั่น ซึ่งในโลกปัจจุบันที่ตอนนี้เรียกได้ว่าไม่มีอะไรออริจินอลอีกต่อไป และไม่เหลืออะไรใหม่ๆให้ทำแล้ว สิ่งสำคัญคงจะเป็นวิธีการเลือกใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว เพื่อมาเป็น เอ่อ...แรงบันดาลใจ..? มากกว่านะ